ชนิดของคำมีกี่ชนิด? ก. 5ชนิด ข. 6ชนิด ค. 7ชนิด ง. 8ชนิด
2. จงบอกว่าคำสรรพนามมีกี่ชนิดและมีอะไรบ้าง? ……………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………... เฉลยแบบทดสอบ..
1. ตอบ ค. 7ชนิด
2. ตอบ มีคำสรรพนาม7ชนิด ได้แก่
7. สรรพนามใช้เน้นนามตามความรู้สึกของผู้พูด
*********************************************************************
**แหล่งอ้างอิง**
ชนิดของคำ – kamonchanart2
วิธีการคิด (Operation) หมายถึง ลักษณะกระบวนการทำงานของสมองแบบต่างๆ มี 5 แบบ ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ ความจำ การคิดแบบเอกนัย (Convergent Thinking) การคิดแบบอเนกนัย และการประเมินผล
3. ผลของการคิด (Product) เป็นผลของกระบวนการจัดกระทำของความคิดกับข้อมูลเนื้อหา ผลิตผลของความคิดออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ การแปลงรูป และการประยุกต์จากแบบทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ดนี้
จะเห็นว่าองค์ประกอบส่วนหนึ่งในมิติที่ว่าด้วยการคิดแบบอเนกนัยมีความสัมพันธ์โดยตรงกับความคิดสร้างสรรค์ และองค์ประกอบส่วนหนึ่งในมิติที่ว่าด้วยผลของคิดที่เรียกว่า การแปลงรูปเป็นส่วนที่แสดงถึงความคิด
อ้างอิงจาก
อารี รังสินันท์. (2527). ความคิดสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: ธนกิจการพิมพ์. Guilford, J. P. (1967). The Nature of Human Intelligence. New York: McGraw-Hill Book Co.
ก. ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ ข. มีความเหมาะสม
ค. นำไปใช้ได้จริงและมีประโยชน์ ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
7. กระบวนการคิดแก้ปัญหาของสมองจะสำเร็จจะต้องมีขั้นตอนในการคิด 4 ขั้นตอนในข้อใด. ก. ขั้นเตรียมการ ขั้นครุ่นคิด ข. ขั้นของการเกิดความคิด
ค. ขั้นพิสูจน์ ง. ถูกทุกข้อ
8. อุปสรรคของการฝึกความคิดสร้างสรรค์มี 2 ประเภทได้แก่ข้อใด. ก. อุปสรรคภายนอก ข. อุปสรรคภายใน
ค. อุปสรรคจากสิ่งแวดล้อมอื่น ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
9. อุปสรรคภายนอกหมายถึงข้อใด. ก. ท่าที ข. เจตคติตังเอง ค. อุปนิสัย ง. ประเพณีวัฒนธรรม
10. กระบวนการกลุ่มหมายถึงข้อใด. ก. กระบวนการทำงานร่วมกันของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยมีวัตถุประสงค์
และการดำเนินงานร่วมกัน
ข. กระบวนการทำงานร่วมกันของบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปโดยมีวัตถุประสงค์
และการดำเนินงานพร้อมทั้งแก้ปัญหาร่วมกัน
ค. กระบวนการทำงานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
11. ลักษณะของกลุ่มที่ดีจะต้องมีโครงสร้างหมายความว่าอย่างไร. ก. มีหัวหน้า รองหัวหน้า ประธานกลุ่ม รองประธานกลุ่ม
ข. มีเหรัญญิก ประชาสัมพันธ์
ค. มีเลขานุการ ง. ถูกทุกข้อ
12. หลักการทำงานของกระบวนการกลุ่มมีขั้นตอน
การดำเนินงานในข้อใด.
องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์
น้ำหนัก: 250 กรัม เนื้อในพิมพ์: ขาวดำ ชนิดกระดาษ: กระดาษถนอมสายตา สำนักพิมพ์: ซัคเซส พับลิชชิ่ง, บจก. เดือนปีที่พิมพ์: 2013
สินค้าที่ลูกค้ามักซื้อด้วยกัน
ความคล่องตัว หมายถึง ปริมาณความคิดที่ไม่ซ้ำกันเมื่อตอบปัญหาเรื่องเดียวกันความคล่องในการคิดนี้มีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาหลายๆ วิธี และต้องการนำวิธีการเหล่านั้นมาทดลองจนกว่าจะพบวิธีการที่ถูกต้อง
3. ความคิดยืดหยุ่น หมายถึง ประเภท หรือแบบของความคิด แบ่งออกเป็น
3. 1 ความคิดยืดหยุ่น ที่เกิดขึ้นทันที เป็นความสามารถในการคิดอย่างอิสระให้ได้คำตอบหลายแนวทางในขณะที่คนทั่วไปจะคิดได้แนวทางเดียว
3. 2 ความคิดยืดหยุ่นทางการดัดแปลง เป็นความสามารถในการดัดแปลง ของสิ่งเดียวให้เกิดประโยชน์หลายด้าน
4. ความคิดละเอียดลออ เป็นลักษณะของความพยายามในการใช้ความคิด และประสานความคิดต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความสำเร็จ
ดังนั้นองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ประกอบด้วยทฤษฎีเกี่ยวกับสติปัญญาและความคิด แต่ที่จะใช้เป็นแนวคิดในการศึกษาเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์มี 3 ทฤษฎี คือ ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ และทฤษฎีโมเดล ทฤษฎีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ดังกล่าวมาแล้ว คือ
ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด(Guilford. 1956: 53) ได้แบ่งสมรรถภาพทางสมองออกเป็น 3 มิติ คือ
1. เนื้อหาที่คิด (Content) หมายถึง สิ่งเร้าหรือข้อมูลต่างๆ ที่สมองรับเข้าไปคิดมี 4 ประเภท ได้แก่ ภาพ สัญลักษณ์ ภาษา และพฤติกรรม
2.
การคิดเชิงสร้างสรรค์
แบบทดสอบหน่วยที่ 2 เรื่องความคิดสร้างสรรค์และทักษะการทำงานร่วมกัน ง 33106 ม.6 | krupaga
- เร้า เตอร์ tot wifi ราคา
- ไมโครเวฟ sharp r 2100g s ราคา pro
- Scratch – Page 7 – คิดสร้างสรรค์
- ลิ ฟ ท์ ยก ของ มือ สอง
สรรพนามแทนผู้พูด ผู้ฟัง และผู้ที่กล่าวถึงหรือคิดถึง
สรรพนามที่ใช้แทนผู้ส่งสาร (คือผู้พูด หรือผู้เขียน) นับเป็นบุรุษที่ 1 เช่น ฉัน ข้าพเจ้า
กระผม ดิฉัน กู อาตมา เรา ข้าพระพุทธเจ้า ฯลฯ
สรรพนามที่ใช้แทนผู้รับสาร (คือผู้ฟัง หรือผู้อ่าน) นับเป็นบุรุษที่ 2 เช่น เธอ ท่าน คุณ
ใต้เท้า มึง พระคุณเจ้า ฝ่าพระบาท ฯลฯ
สรรพนามที่ใช้แทนบุคคลหรือสิ่งที่กล่าวถึง หรือคิดไปถึง นับเป็นบุรุษที่ 3 เช่น เขา พวกเขา
มัน
2. สรรพนามใช้ชี้ระยะ
คำสรรพนามที่กำหนดให้รู้ความ ใกล้ ไกล ของนามที่ผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจกันได้ ได้แก่คำว่า นี่
นั่น โน่น นี้ โน้น (โน่นไกลกว่านั่น นี่ใกล้ที่สุด) เช่น
นี่ คือเพื่อนเก่าของฉัน
โน่น เป็นวัดเก่า
นั่น ไม่มีราคา
3. สรรพนามใช้ถาม
คำสรรพนามที่มีความหมายเป็นคำถาม ได้แก่คำว่า ใคร อะไร ผู้ใด สิ่งใด อันไหน เช่น
ใครต้องการน้ำชาบ้าง
เขามาเรียกใคร
หนูแดงกินอะไร
อะไรเปื้อนรองเท้า
4. สรรพนามบอกความไม่เจาะจง
ใช้แทนนามซึ่งไม่กำหนดแน่นอนลงไปว่าเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ ได้แก่คำว่า ใคร อะไร ผู้ใด สิ่งใด
ฉันไม่รู้ว่า อะไรตกลงมาโดนเสื้อ
ฉันไม่ทราบว่าใครเขียนจดหมายฉบับนี้
5. สรรพนามบอกความชี้ซ้ำ
คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่กล่าวไปแล้วโดยชี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง อาจแสดงความหมายรวมหรือ
แสดงความหมายแยกต่อนามที่กล่าวแล้ว ได้แก่คำว่า ต่าง บ้าง กัน เช่น
นักเรียนต่างก็ทำงานของตน (ความหมายแยก หมายถึงนักเรียนแต่ละคน)
กรรมกรเหล่านั้น บ้างก็เป็นหญิง บ้างก็เป็นชาย (ความหมายแยก)
สุนัขกัดกัน (ความหมายรวม สุนัขมีมากกว่า 1 ตัว)
6.
Scratch – Page 7 – คิดสร้างสรรค์
องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด (Guilford. 1967: 62) ซึ่งเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นความสามารถทางสมองที่คิดได้อย่างซับซ้อน กว้างไกล หลายทิศทาง หรือที่เรียกว่า คิดอเนกนัย (Divergent thinking) ซึ่งประกอบด้วย ความคิดริเริ่ม (Originality) ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) ความคิดละเอียดลออ(Elaboration)
Guilford (1967: 145-151) ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ไว้ดังนี้
1. ความคิดริเริ่ม (Originality) หมายถึง ความคิดแปลกใหม่ไม่ซ้ำกันกับความคิดของคนอื่น และแตกต่างจากความคิดธรรมดา ความคิดริเริ่มอาจเกิดจากการคิดจากเดิมที่มีอยู่แล้วให้แปลกแตกต่างจากที่เคยเห็น หรือสามารถพลิกแพลงให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด ความคิดริเริ่มอาจเป็นการนำเอาความคิดเก่ามาปรุงแต่งผสมผสานจนเกิดเป็นของใหม่ ความคิดริเริ่มมีหลายระดับซึ่งอาจเป็นความคิดครั้งแรกที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครสอนแม้ความคิดนั้นจะมีผู้อื่นคิดไว้ก่อนแล้วก็ตาม
2. ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) หมายถึง ปริมาณความคิดที่ไม่ซ้ำกันในเรื่องเดียวกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
2.
1 ความคล่องแคล่วทางด้านถ้อยคำ (Word Fluency) เป็นความสามารถในการใช้ถ้อยคำอย่างคล่องแคล่ว
2. 2 ความคิดคล่องแคล่วทางด้านการโยงสัมพันธ์ (Associational Fluency) เป็นความสามารถที่จะคิดหาถ้อยคำที่เหมือนกันได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ภายในเวลาที่กำหนด
2. 3 ความคล่องแคล่วทางด้านการแสดงออก (Expression Fluency) เป็นความสามารถในการใช้วลีหรือประโยค กล่าวคือ สามารถที่จะนำคำมาเรียงกันอย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้ประโยคที่ต้องการ
2. 4 ความคล่องแคล่วในการคิด (Ideational Fluency) เป็นความสามารถที่จะคิดค้นสิ่งที่ต้องการภายในเวลาที่กำหนด เช่น ใช้คิดหาประโยชน์ของก้อนอิฐให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดซึ่งอาจเป็น 5 นาที หรือ 10 นที
3. ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง ประเภทหรือแบบของการคิดแบ่งออกเป็น
3. 1 ความคิดยืดหยุ่นที่เกิดขึ้นทันที (Spontaneous Flexibility) เป็นความสามารถที่จะพยายามคิดได้หลายทางอย่างอิสระ ตัวอย่างของคนที่มีความคิดยืดหยุ่นในด้านนี้จะคิดได้ว่าประโยชน์ของหนังสือพิมพ์มีอะไรบ้าง ความคิดของผู้ที่ยืดหยุ่นสามารถจัดกลุ่มได้หลายทิศทางหรือหลายด้าน เช่น เพื่อรู้ข่าวสาร เพื่อโฆษณาสินค้า เพื่อธุรกิจ ฯลฯ ในขณะที่คนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จะคิดได้เพียงทิศทางเดียว คือ เพื่อรู้ข่าวสาร เท่านั้น
3.
ผีเสื้อเป็นผู้นำดอกไม้มาที่สวนแห่งนี้โดยปกติมันจะซ่อนตัว และรอคำสั่งจากผู้ใช้ว่าจะให้ปลูกดอกไม้ตรงไหน เมื่อใดที่ผีเสื้อรู้แล้วว่าจะปลูกดอกไม้ตรงไหน มันก็จะบินไปที่นั้นและเลือกว่าจะปลูกดอกไม้ชนิดใด ดอกไม้ที่ได้รับเลือกก็จะบานออกและถ้าดอกไหนโชคดีก็จะมีนางฟ้าลงมาเชยชม
สคริปต์ของผีเสื้อเริ่มต้นด้วยการซ่อนตัว (hide) และทำตัวเล็กๆ (set size to 25%) และก่อนที่มันจะวาดดอกไม้ในสวนมันจะลบ (clear) ค่าต่างๆของปากกา (pen) และสแตมป์ (stamp) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใช้วาด ผีเสื้อจะรอ (wait until) การชี้ตำแหน่งจากผู้ใช้ (mouse down? )